ถนนใน Dubai
สะอาดมาก และด้วยความเป็นประเทศที่ร้อน แต่รวย
ที่รอรถโดยสารประจำทางจึงเป็นห้องแอร์ เห็นแล้วอิจฉา
นอกจากระบบขนส่งมวลชนที่เป็นรถประจำทางแล้ว
ยังมีรถไฟฟ้าให้บริการ
มีสองสายได้แก่สายสีแดงและสายสีเขียว |
|
|
 |
รถไฟฟ้าสะอาดมาก ๆ ผู้ใช้บริการ 99.99%
จะไม่มีชาวอาหรับเลย ส่วนใหญ่
เป็นปากีสถาน อินเดีย บังคลาเทศ
และพวกฝรั่งนิดหน่อย
(ไม่รู้ว่าสร้างมาให้ใครใช้) |
|
|
|
|
|
 |
 |
ภาระกิจคือการไปเยี่ยมลูกค้าที่เมือง Ras
Al-Khaimah ซึ่งอยู่
ห่างจาก Dubai ไปทางเหนือ ใช้เวลาขับรถราว 2
ชั่วโมง
ด้านซ้าย-ขวา เป็นทะเลทรายตลอดทาง ถนนดีมาก ๆ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมคนอาหรับจึงมีอุบัติเหตุทางรถยนต์สูงมาก
ที่สำคัญเจ็บไข้ได้ป่วย
คนอาหรับเลือกมารักษาที่เมืองไทยเป็นอันดับแรกครับ |
|
|
 |
เมือง Ras Al-Khaimah ภูมิประเทศ
เป็นภูเขาใหญ่ ๆ หลายลูก
พื้นที่บางส่วนติดกับประเทศโอมาน
มีการทำโรงผลิตปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่
ให้เห็นระหว่างทาง |
|
|
การต้อนรับตามแบบฉบับชาวอาหรับ
ด้วยความเป็นมิตรไมตรี
อาหารการกินเต็มที่
กินกันสามวันก็ไม่หมด
เสร็จแล้วตบท้ายด้วยกาแฟอาหรับ
ในห้องรับแขกขนาดใหญ่
ที่อาหรับต้องมีห้องรับแขกขนาดใหญ่เนื่องจาก
ทุก ๆ วันศุกร์ จะมีการรวมญาติ
จึงจำเป็นต้องมีสถานที่
รับรองขนาดใหญ่ เพราะญาติมีเยอะครับ |
 |
|
|
|
|
|
|
|
 |
ว่ากันว่า แขกที่มาเยี่ยมเยียน
จะได้รับการดูแลอย่างดี
เป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้น
ก็ดูแลกันเองครับ จะกินอะไรก็หากินเอง
เพราะเกิน 7 วันนี่ไม่ถือเป็นแขกแล้ว
ถ้า 7 วันยังต้องเลี้ยง นี่ก็เรียกว่า
มาเกาะกินแล้วครับ |
|
|
|
 |
 |
ระหว่างเดินทางกลับมา Dubai
ทะเลทรายสองข้างทางจะมีการทำ
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
มีรถทะเลทรายให้ขับ
มีอูฐให้ขี่เล่น แต่ต้องมาช่วงเย็น ๆ
หน่อยนะครับ กลางวันนี่ร้อนตับแทบแตก |
|
|
 |
แวะเยี่ยมชมฟาร์มแพะระหว่างทาง
คนอาหรับนิยมรับประทานแพะ
มากที่สุด รองลงมาก็เป็นปลา และไก่ครับ |
|
|
คนอาหรับถึงแม้ใครจะว่าดูน่ากลัว
แต่จากการได้มาสัมผัส
จะพบว่าเป็นคนที่มีน้ำใจ
และเป็นมิตรทุกคนครับ |
|
จาก Ras
Al-Khaimah ขับรถผ่าน Dubai แล้วเลยไป
Abu Dhabi
ที่นี่คนต่างชาติไม่เยอะเท่า Dubai
และแน่นอน
อาหรับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี |
|

Abu Dhabi คือเมืองหลวงของ U.A.E
ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ
|
|
|
|
|
เมือง
Al Sharjah
(ภาพบน)
และ Ajman (ภาพล่าง)
ซึ่งเป็นเมืองที่เจริญเป็นอันดับ
3 และ 4 ของ UAE ต่อจาก
Dubai และ Abu dhabi |
|
|
|
ผู้ใหญ่่ของเมือง Ajman
ให้กับต้อนรับเป็นอย่างดี
อาหารที่เห็นรับประทานกัน
แค่ 3 คน แต่ท่านสั่งมา
ขนาดที่กินกันสัก 20 คน ยังเหลือ
เป็นที่ประทับใจมาก ๆ |
 |
|
|
จาก
Abu Dhabi เมืองหลวงของ U.A.E
เดินทางไปอีกร้อกิโลเศษๆ
จะไปถึงเมือง Al Ain
พอเข้าเขตเมืองนี้
จะพบกับบรรยากาศที่เขียวชอุ่ม
เพราะเมืองนี้มีแหล่งน้ำใต้ดิน
(Oasis)
ทำให้เป็นเมืองที่ทำการเกษตรได้ดี
ถ้ัาสังเกตให้ดีแต่ละเมืองจะมีความสำคัญต่างกัน
Dubai เป็นเมือง
เศรษฐกิจ Abu Dhabi
เป็นเมืองสถานที่ราชการ เมือง
Al Sharjah
จะเป็นเมืองศูนย์รวมด้านการศึกษาและศาสนา
ส่วน Al Ain จะเป็น
เมืองเกษตรกรรม |
|
|
|
 |
 |
ที่เมือง Al Ain มีโรงแรม
ระดับ 5 ดาวชื่อ Rotana
(ภาพซ้าย) และมีห้างใหญ่
อยู่ห้างเดียวคือ Al Ain Mall
(ภาพขวา) |
|
|
 |
ตอนเดินทางจาก Al Ain จะกลับ
Dubai (ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร)
ต้องลุยกับพายุทราย
มาตลอดทาง พบอุบัติเหตุหลายจุด
พอมาถึง Dubai ก็พบว่าทั้งเมือง
เต็มไปด้วยทราย (เนื่องจากเวลาเกิด
พายุทราย จะเกิดกินบริเวณกว้าง
เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่
เป็นทะเลทราย
จึงไม่มีอะไรมากั้นพายุ)
|
|
|
 |
เมือง
Al Sharjah
มีสนามบิน
นานาชาติ และมีสายการบิน
เป็นของตัวเองคือ Airarabia
ผมเดินทางจาก Al Sharjah
ไป Qatar ใช้เวลาประมาณ
ชั่งโมงเดียว ออกเดินทางจาก
Al Sharjah 8.00 ไปถึงกาตาร์
เวลาเดียวกันคือ 8.00 เพราะ
เวลาของ UAE กับกาตาร์
ห่างกัน 1 ชม. พอดี |
|
|
เนื้อเรื่องอาจไม่ค่อยปะติดปะต่อ
เพราะเป็นข้อมูลจากการเดินทางหลายรอบครับ |
|
   |
|
|