 |
เรื่องเล่ากำเนิดกาแฟที่ร้าน
Kaldi's Coffee |
|
ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศในทวีปแอฟริกา
มีภาษาแตกต่างกันเป็นร้อยภาษา
เพราะประกอบด้วย
เผ่าต่าง ๆ มากมาย ภาษาทางการคือภาษา
Amharic
เมืองหลวงชื่อ
Addis Ababa
เป็นเมืองที่เริ่มมีการพัฒนา
มีการสร้างอาคารสำนักงาน
ที่อยู่อาศัย โรงแรม
และมีการตัดถนนใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก
ผมเคยไปนั่งร้านอาหารที่ร้องเพลงพื้นเมือง
ตอนหนึ่งของเนื้อร้อง
มีใจความว่า เอธิโอเปียมี
ภูมิอากาศดี
คนก็มีน้ำใจดี แต่ไม่มีเงิน
นับได้ว่า
เป็นเรื่องจริง
เพราะอากาศที่เอธิโอเปียเย็นสบาย
ตลอดปี
ที่นี่ไม่ต้องมีแอร์คอนดิชั่น
เพราะภายใน
อาคารจะเย็นสบาย
(ถ้าออกมาข้างนอกก็ร้อน
เหมือนกัน)
แม้ศูนย์การค้าใหญ่ก็ไม่มีแอร์
โรงแรมถ้าไม่ใช่ระดับ 5 ดาว
ก็ไม่มีแอร์
เพราะอากาศดีมากๆทั้งปี
คนเอธิโอเปียเป็นคนใจดี
มีน้ำใจ
คนเอธิโอเปียตัวไม่ค่อยใหญ่และผิวไม่ดำมาก
แตกต่างจากคนแอฟริกาทั่วไป
ส่วนใหญ่พูดภาษา
อังกฤษได้ ทั้ง ๆ
ที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ผมเคยถามว่าทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษได้
เค้าบอกว่าเรียนมาจากโรงเรียน แสดงให้เห็นว่าระบบ
การศึกษาของเค้าใช้ได้เลย |
|
ปฎิทินของเอธิโอเปียดั้งเดิมจะมีความแปลกกว่าปฎิทิน
สากล เพราะ 1 ปีจะมี 13 เดือน
(เดือนที่ 13 จะมีเพียง 5-6 วัน
พูดง่าย ๆ คือ มี 12 เดือนที่มี 30 วัน
บวกกับวันเพิ่มเติมอีก
5-6 วันนั่นเอง
วันขึ้นปีใหม่ของคนเอธิโอเปีย
จำง่ายครับคือ
วันที่ 11 กันยายน
แล้วที่แปลกกว่านั้นคือคนเอธิโอเปียฉลองปี
2000 ไปเมื่อปี 2007 นี่เอง
แสดงว่าปีปฎิทินดั้งเดิมของ
เอธิโอเปียช้ากว่าปีสากล
7 ปีครับ
สินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของเอธิโอเปียได้แก่กาแฟ
เพราะ
เอธิโอเปียเป็นสถานที่ที่ค้นพบกาแฟ
ว่ากันว่าคำว่า Coffee
มาจากคำว่า Kaffa
ที่เป็นชื่อเมืองที่ค้นพบกาแฟเป็นครั้งแรก
โดยมีเรื่องเล่าว่าคนเลี้ยงแพะชื่อ Kaldi เห็นแพะที่ไปกินพืช
ชนิดนึงแล้วมีอาการอารมณ์ดีผิดสังเกต ก็เลยเอาเมล็ดพืช
นั้นมาสกัดแล้วนำไปกิน พบว่ากินแล้วอารมณ์ดี
รื่นเริง
ไม่มีอาการง่วงนอน
ภายหลังนิยมนำไปให้พระที่ต้องมีภาระกิจ
สวดมนต์
กินแล้วสามารถสวดมนต์ได้ทั้งคืน
อย่างสดชื่น
กาแฟจึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกโดยกระจายจากเอธิโอเปีย
ไปสู่เยเมนแล้วเข้าสู่กลุ่มประเทศอาหรับ
ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลก
ถึงแม้จะเป็นประเทศที่ยากจนแต่ก็มีคนรวยไม่น้อย
คนที่รวยที่
สุดที่นี่ชื่อ Mohammed Al
Amoudi
ในปี 2010 นิตยสาร Forbes
ที่จัดอันดับคนรวย พบว่า Mohammed Al
Amoudi ติดอันดับรวย
ที่สุดเป็นอันดับที่ 97 ของโลก
แสดงว่าแกรวยไม่น้อยที่เดียวครับ |
 |
Poster เรื่องกำเนิดกาแฟที่ร้าน
Tomoca Coffee |
|
|
|
|
|
ผมได้มีโอกาสไปบ้านคนเอธิโอเปีย
และได้รับประทานกาแฟแบบดั้งเดิม
โดยนำเมล็ดกาแฟเขียว ๆ มาคั่วจนได้ที่
จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด
แล้วชง จากนั้นจึงเทใส่แก้วเล็ก ๆ
ให้แขกรับประทาน |
|
|
 |
การเสริฟกาแฟแบบดั้งเดิมจะพบได้
ที่ร้านอาหารเอธิโอเปียและที่สนามบิน
มักจะรับประทานร่วมกับข้าวโพดคั่ว
แต่ไม่ได้มีการคั่วกาแฟจากกาแฟสด ๆ
เหมือนที่ผมได้ไปรับประทาน
ที่บ้านคนเอธิโอเปีย ก็เลยไม่ค่อยขลัง |
 |
 |
|
|
 |
สายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลนส์เป็นสายการบินที่มีชื่อเสียง
ในแถบแอฟริกา
(ไม่ต้องคาดหวังอะไรมากนะครับ
คงเทียบไม่ได้กับสายการบินชั้นนำอื่น
ๆ)
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลนส์
มีบินตรงจาก กรุงเทพ-Addis Ababa
ไป-กลับ ทุกวัน
บางวันมี 2 เที่ยวบิน
ต้นทางมาจากกวางโจว
และฮ่องกง แล้วมาแวะไทยก่อนบินตรงไป
Addis Ababa |
|
|
สนามบิน Bole International
มีร้านค้าพอสมควร ไม่แนะนำให้ซื้อของ
ที่นี่เพราะแพงกว่าข้างนอก
5-6 เท่า
อ้อ ...
ใครจะไปเอธิโอเปียต้องฉีด
วัคซีนกันไข้เหลืองก่อน
อันนี้
เป็นข้อบังคับของไทย
แล้วตอนกลับเข้า
มาถึงเมืองไทย
ต้องไปกรอกแบบฟอร์มที่
แผนกควบคุมโรคก่อน ไม่งั้น
ตม.
ไม่ยอมผ่านเข้าเมืองไทยนะครับ
การไปเอธิโอเปียไม่ต้องขอ Visa
สามารถทำ Visa on Arrival
ที่สนามบิน
เอธิโอเปียได้เลย ค่าใช้จ่าย
20 USD |
 |
|
|
ภาพด้านล่าง ผมถ่ายตอนขาออก Bole
International Airport ของเอธิโอเปียนับได้ว่า
เป็นศูนย์กลางของคนแถบแอฟริกา ผู้คนคับคั่งมาก
อย่างที่บอกว่าที่นี่หาแอร์คอนดิชั่นยากมาก
สนามบินก็ไม่มีแอร์ สังเกตด้านบนจะเห็นพัดลม
อีกภาพเป็นตอนชุนละมุน
ขณะกำลังนั่งรถไปขึ้นเครื่อง
ดูเหมือนว่าทางเข้ากับทางออกจะเป็นทางเดียวกันเลย |
|
|
 |
กรุงเทพ-Addis Ababa
ใช้เวลา
เดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง
ถ้ามาสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลนส์
จะมาถึงช่วงตีห้าครึ่งถึงหกโมงกว่า ๆ
แล้วแต่เที่ยวบิน
มาถึงเพื่อนซี้มารับที่สนามบิน
ประเดิมด้วยกาแฟสูตรยอดนิยม
ชื่อว่า Macchiato |
|
|
|
ภาระกิจเดิม
ๆ ของผม
เดินทาง-พูดคุย-กิน-Survey
คนที่นี่ใจดี ยิ้มแย้มกันทุกคน |
 |
|
|
 |
|
|
 |
ผมสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน
เพื่อให้กลับมาทำงาน
ที่เมืองไทย พบว่าเงินเดือนของคนเอธิโอเปียยังไม่แพง
แต่จากประสบการณ์ของผมพบว่า
คนที่นี่ไม่ค่อยขยัน
ต้องคอยกระตุ้นอยู่เรื่อย ๆ
งานถึงจะเดิน
ข้อดีของคนที่นี่คือพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน
เพราะเค้าเรียนมาตั้งแต่อนุบาล
และให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก |
|
|
 |
 |
|
|
|
|
 |
ไป Survey
ตามตึกเพื่อหาสถานที่ตั้ง Office
ที่ Addis Ababa มีการก่อสร้างอาคารหลายแห่ง
เป็นโรงแรมบ้าง
อาคารสำนักงานบ้าง
รวมทั้งโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์
ที่แปลกใจคือไม่ค่อยเห็นคนขี่มอเตอร์ไซต์
ถามคนเอธิโอเปีย ได้คำตอบว่า
ขี่มอเตอร์ไซต์มันไม่ปลอดภัย แสดงว่า
เค้าเป็นห่วงชีวิตมาก
ลองหันมาดูบ้านเรา
มอเตอร์ไซต์เต็มถนนไปหมด
|
|
|
|
|
จาก Addis
Ababa ไปทางใต้
มีเมืองสำคัญอีกเมืองชื่อ Nazret
สองข้างทางจะพบว่าเป็นที่ราบเชิงเขา
ชาวบ้านตามชนบทยังอาศัยในกระท่อมแบบเดิม
ๆ
ที่เมือง Nazret พบพาหนะยอดนิยม
คือตุ๊ก ๆ จากบ้านเรา |
 |
|
|
|
|
|
|
 |
เข้าเยี่ยมชมฟาร์มปลูกกุหลาบ
ฟาร์มที่นี่ปลูกอยู่ในอาคาร
เป็นฟาร์มที่ปลอดสารพิษ
การเพาะปลูกที่เอธิโอเปีย
จะไม่มีการใช้สารเคมี
อันนี้เป็นนโยบายระดับชาติ
ฟาร์มที่ปลูกดอกไม้ที่นี่ส่วนใหญ่
ปลูกเพื่อส่งออกไปยัง
ประเทศแถบยุโรป |
|
 |
|
|
ช่วงปี 2009-2011
ผมมีโอกาสได้มาเอธิโอเปียหลายครั้ง การมาแต่ละครั้ง
พบการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ครั้งล่าสุดปี 2011
พบว่าสามารถใช้โทรศัพท์มือถือ
โทรเข้า-ออกเมืองไทยได้ เพราะมีการเปิด
Roaming ของ AIS แล้ว
จำได้ว่าช่วงปี 2009-2010
ประเทศเอธิโอเปียมีชื่อใน list ของ Roaming
AIS
แต่มาจริง ๆ ยังใช้งานไม่ได้ เคยต่อว่า AIS
ไปเหมือนกันว่าอยู่ใน list
แล้วทำไมจึงยังใช้ไม่ได้ แต่ล่าสุดปี 2011
สามารถใช้ได้แล้ว
แต่คุณภาพเสียงยังติด ๆ ขัด ๆ อยู่บ้าง
|
|
ปี 2011 ผมมาดำเนินการจัดงานสัมมนาที่โรงแรม Kaleb
ใกล้ ๆ สนามบิน |
 |
 |
|
|
 |
 |
นักศึกษาแพทย์ของเอธิโอเปีย มาร่วม
งานสัมมนา |
บรรยากาศภายในงานสัมมนา
มีผู้ร่วมงานประมาณร้อยคน |
|
|
สำรวจตลาด
ราคาหอมมะลิ หงษ์ทอง กิโลละ 54.80
Birr (ราคาแพงกว่าที่ขายในเมืองไทย
มากพอสมควร 1 Birr ปี 2009 ประมาณ 3
บาท แต่ค่าเงิน Birr ในช่วงปี
2010-2011
ลดลงมาก 1 Birr ประมาณ 2 บาท)
ราคาข้าว Basmati ของอินเดียราคา 5
กก. 245.50 Birr
ส่วนข้าวปทุมธานี 25 กก. ราคา 943.80
Birr
ข้าวจากอียิปต์ขนาดเท่ากันราคาเพียง
759.00 Bir
รวม ๆ
แล้วข้าวของไทยจะราคาสูงกว่าข้าวที่มาจากประเทศอื่น
แสดงให้เห็นว่าคุณภาพ
ของข้าวไทยได้รับความยอมรับมากกว่า
แต่ผมยังไม่เห็นข้าว Basmati
จากปากีสถาน
ซึ่งเป็นข้าวที่ชาวอาหรับนิยมรับประทานว่าราคาเท่าไหร่ |
 |
 |
 |
|
|
ขอตบท้ายด้วยหมวดอาหารและเครื่องดื่มครับ |
|
|
 |
ร้านอาหารชื่อ Top View
อยู่บนเนินเขา สามารถชมวิวเมือง
Addis Ababa ได้
ขายอาหารประเภท International |
 |
|
|
ทีเด็ดอยู่ที่อาหารท้องถิ่น เรียกว่า Injera
เป็นแป้งนุ่ม ๆ
เหมือนฟองน้ำ ทำมาจาก
เมล็ดพืชหมัก จึงรสออกเปรี้ยว ๆ
สั่งกับข้าวมาหลาย
ๆ อย่าง
ใส่ไปพร้อม
กันทั้งหมด
กินครั้งแรก
ก็เสียว
แต่พอผ่านไปหลาย ๆ
มื้อก็ชินไปเอง
อาหารทีเด็ดอีกอย่างคือเนื้อบด กินกัน
ดิบ ๆ สุก ๆ
กว่าจะกินหมดแทบแย่
ทำไงได้ครับ กินฟรีก็อย่างนี้แหละ
เลือกไม่ได้ เค้าสั่งมาก็ต้องกิน
ที่นี่ยังมีการกินเนื้อดิบ ๆ
กันอยู่ เค้าว่าหวาน
กินกันอะเร็ดอร่อย
เมนูนี้ผมขอผ่านครับ
ภาพล่างขวาสุดไปกินที่ร้านดังเมือง
Nazret
เป็นเนื้อวัว+แพะ อยู่บนกะทะดินเผา
เรียกว่า Tibbs
กินกับ
Injera อันนี้ต้องยอมรับว่าอร่อย
สุดยอด
|
 |
 |
|
|
|
ถ้าอยากสัมผัสอาหารแบบดั้งเดิม
พร้อมมีโชว์การเต้นรำแบบเอธิโอเปีย
แนะนำร้านชื่อ Yod Abyssinia (บางทีก็เขียนมี
s ตัวเดียว)
ก่อนและหลังกินอาหาร จะมีพนักงานบริการล้างมือ
เพราะต้องกันกินแบบตะลุมบอน |
 |
 |
|
|
 |
ร้านกาแฟที่ดีที่สุดของ
เอธิโอเปียชื่อร้าน Tomoca
เข้าไปในร้านจะหอมไปด้วยกลิ่นกาแฟ
เพราะเป็นคั่วกาแฟกันหลังร้าน
คนขายกาแฟที่นี่ใส่เสื้อกราวน์เหมือแพทย์
ผมถามเขาว่าทำไมต้องใส่เหมือนแพทย์
คนขายตอบว่าเขาเป็น
แพทย์ทางด้านกาแฟครับ |
|
|
น้ำผลไม้ยอดฮิตของคนเอธิโอเปีย
ส่วนใหญ่คนชอบกินน้ำมะม่วง
น้ำผลไม้ที่นี่รสเข้มข้นมาก ๆ
เป็นเนื้อเหลว ๆ มากกว่า
เป็นน้ำ
ที่เห็นในรูปเป็นน้ำผลไม้รวม
แบ่งเป็นชั้น ๆ สวยดีครับ
|
 |
|
|
เบียร์กับไวน์ของเอธิโอเปีย รสชาติอ่อน ๆ
แต่ก็กลมกล่อมดี |
 |
 |
|
|
 |
ปิดท้ายด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ
มีขายตามร้านอาหารท้องถิ่น
เป็นที่นิยมมาก ๆ
คนที่นั่นเล่าว่าเป็นน้ำแร่ที่นำมา
จากธารน้ำแร่จริง
ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีใด ๆ เลย |
|
|
|
   |
|