Home         Book Reviews         Business Trips        Technical Visits        About Me
Wut Sookcharoen
Book Reviews by วุฒิ สุขเจริญ
 
Living Company Title: The Living Company
Author: Arie de Geus
My Rating: Living Company
 
 

Summary
          หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาแนวเดียวกับหนังสือ Built to last ของ James C. Collins และ Jerry I. Porras โดยพยายามศึกษาหาปัจจัย พฤติกรรม หรือลักษณะของบริษัทที่อยู่ได้อย่างยั่งยืน
            หนังสือเล่มนี้เกิดจาก Arie de Geus ที่เป็นผู้บริหารของบริษัท Royal Dutch/Shell โดยมีคำถามว่า บริษัทขนาดใหญ่ใดบ้างที่มีอายุมากกว่า Shell โดยมีความสำคัญในอุตสาหกรรมนั้น  เบื้องต้นหามาได้ 40 บริษัทและทำการศึกษาในรายละเอียด 27 บริษัท ว่าบริษัทเหล่านั้นมีอะไรที่เหมือนกันบ้างที่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมถึงประสบความสำเร็จจนมาถึงทุกวันนี้ โดยได้พบปัจจัยที่เหมือนกัน 4 ประการคือ

1. Sensitivity to the environment ก็คือ Ability to learn and adapt
2. Cohesion and identity ก็คือ Ability to build a community and a persona for itself
3. Tolerance and its corollary, decentralization, ก็คือ Ability to build constructive relationships with other entities, within and out-side itself.
4. Conservative financing ก็คือ Ability to govern its own growth and evolution effectively.

หนังสือได้ถูกแบ่งเป็น 4 ตอน ตามข้อค้นพบได้แก่
1) Learning: คือบริษัทก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อความอยู่รอด โดยต้องมีการคาดการณ์สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (Scenario)

2) Pernona (Identity): ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือบริษัทที่จะอยู่ได้อย่างยั่งยืน ต้องมีลักษณะร่วมที่เหมือนกัน  องค์กรจะคนเข้ามาใหม่ ๆ ตลอดเวลา องค์กรจะมีความทน (Tolerance) ต่อคนที่เข้ามาพร้อมแนวคิดใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันก็มีรู้สึกเป็นเอกลักษณ์ว่า เราคือใคร ใครคือคนที่ใช่ ใครคือคนที่ไม่ใช่ ใครบ้างที่มี Shared values ใครที่ไม่ใช่ก็ไม่ต้อง shared values คนที่ใช่ก็จะมีความสุขกับสิ่งที่องค์กรเป็น Shared values เป็นเหมือนพลังยึด (Cohesion) ที่ทำให้คนในองค์กรอยู่ด้วยกันได้ ถึงแม้คนจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน มีศักยภาพต่างกัน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแรงยึดขององค์กร

3) Ecology: Ecology หรือ นิเวศวิทยา คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจะเกิดขึ้นเมื่อมีคุณลักษณะ 3 ประการ
1. Innovation คือสามารถสร้างทักษะใหม่ ๆ ที่จะใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมด้วยหนทางใหม่ ๆ
2. Social Propagation (การถ่ายทอดทางสังคม) การถ่ายทอดทักษะส่วนตัวสู่สังคม ทำให้ทุกคนเกิดทักษะใหม่
3. Mobility คือ แต่ละคนความสามารถในการเคลื่อนย้ายไปรอบ ๆ และใช้ประโยชน์จากมัน เป็นการเคลื่อนย้ายเป็นฝูงไม่ใช้แยกไปสร้างอาณาจักรใหม่คนเดียว ในบทนี้จะเน้นคำว่า Tolerant หรือความทน โดยรูปแบบของ Tolerance ได้แก่
1. Low Tolerance หากคุณต้องการดอกกุหลาบที่ใหญ่กว่าคนอื่น คุณต้องตัดกิ่งให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้แต่ละกิ่งสามารถผลิตดอกกุหลาบที่ใหญ่ (Core business) แต่หากอากาศมีการเปลี่ยนแปลงคุณอาจได้ดอกกุหลาบน้อยมาก ดังนั้นการตัดกิ่งเยอะๆ (hard Pruning) จะเป็นอันตรายถ้าไม่สามารถทำนายสภาพแวดล้อมได้
2. High Tolerance แต่หากเราต้องการได้ดอกกุหลาบตลอดปี เราก็ไม่ต้องตัดกิ่งออกมาก ถึงแม้จะไม่ได้ดอกกุหลาบใหญ่ แต่ก็ได้ดอกกุหลาบไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร การตัดแต่งแบบทน (Tolerant pruning policy) จะบรรลุวัตถุประสงค์ 2 ข้อ
ข้อ 1. ทำให้ง่ายต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดหมาย
ข้อ 2. นำไปสู่การค่อย ๆ และต่อเนื่องของการปรับโครงสร้างของต้นไม้
     Tolerance เป็นการยอมรับความแตกต่างของแต่ละบุคคล ทำให้องค์กรอยู่ได้อย่างยั่งยืน
     อย่างไรก็ดี บริษัทที่ Intolerance ก็สามารถมีอายุยืนได้ ถ้าสภาพแวดล้อมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก เหมือนปลูกมันฝรั่งสายพันธ์เดียวในสวนแก้วที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่างได้ ทำให้มีประสิทธิภาพสูง (บริษัทพวกนี้มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากมีรูปแบบเดียว) แต่ถ้าสภาพแวดล้อมไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ออกมาปลูกมันฝรั่งข้างนอกก็จะประสบปัญหา
     นอกจากนั้นบริษัทที่จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนต้องมีระบบภูมิคุ้มกัน (The Corporate Immune System) หมายถึงการที่เรารับคนที่มีความแตกต่างเข้ามาในบริษัท ถ้าคนที่แตกต่างเข้ามาไม่มาก บริษัทก็สามารถปรับตัวได้ (มีภูมิคุ้มกันจากคนที่อยู่เดิม) แต่หากคนที่แตกต่างเข้ามามากเกินไป บริษัทก็ไม่สามารถปรับตัวได้ เสมือนภูมิคุ้มกันไม่พอ ทำให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้บริษัทมีปัญหา

4) Evolution:  บริษัทที่จะวิวัฒนาการหรือพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากรด้านเงินทุน ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องมีวินัยทางการเงิน โดยมีความเป็นอนุรักษ์นิยมทางการเงิน (Conservatism in Financing) โดยบริษัทต้องให้ความสำคัญกับการมีเงินอยู่ในมือ เนื่องจากการมีเงินอยู่ในมือทำให้บริษัทสามารถยืดหยุ่นและมีอิสระในการทำงานซึ่งคุ่แข่งอาจไม่มี ดังนั้นการพยายามให้บริษัทมีเงินทุนอยู่ตลอดเวลา  (ไม่ลงทุนมากเกินไปถึงแม้จะมีโอกาส) จะช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
 
My Opinion
  ถึงแม้หนังสือเล่มนี้จะมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับหนังสือ Built to last แต่รูปแบบการนำเสนอมีความแตกต่างกันพอสมควร ในหนังสือ Built to last จะยกตัวอย่างการกระทำหรือพฤติกรรมของบริษัทอย่างชัดเจน แต่ในหนังสือ The Living Company มีการนำเสนอในเชิงหลักการและแนวคิด ทำให้ได้อรรถรสไปคนละแบบ อย่างไรก็ตามผมก็ประทับใจในเนื้อหาของหนังสือ The Living Company มากพอสมควร ผมให้คะแนนหนังสือเล่มนี้ 4 ดาวครับ
 
 
  
 
"The Living Company" reviewed by วุฒิ สุขเจริญ Contact Me:  bestofsiam@hotmail.com