 |
Title: Unlearn |
Author: Barry O'Reilly |
My Rating:
 |
|
|
|
Summary |
จะว่าไปแล้วในช่วงปี
2017-2019
คนจะสนใจเรื่องเครื่องมือช่วยคิดมากกว่าเครื่องมือช่วยบริหาร
หลัง ๆ ก็จะได้ยินเครื่องมือช่วยคิดเกิดขึ้นหลายเครื่องมือ
เช่น Desging thinking ของ d-School Stanford, Visual Thinking
ของ Dan Roam หรือ The outward mindset ของ Arbinger Institute
หนังสือ Unlearn ผมจัดว่าเป็นการนำ
เสนอเครื่องมือช่วยคิด เพื่อให้ได้ผลการทำงานที่ดีขึ้น
ลองมาดูกันครับว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนออะไรที่น่าสนใจบ้าง
Chapter 1: Why Unlearn
Chapter 2: How to Unlearn
Chapter 3: Unleraning the Obstacles to Unlearning
เนื้อหา 3 บทแรก
เป็นการปูพื้นฐานความเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า "Unlearn"
โดยผู้เขียนให้คำจำกัดความว่า "Unlearning" คือ
เป็นกระบวนการของปล่อยวาง การออกจาก
และการสร้างกรอบใหม่ของวิธีและพฤติกรรมที่เคยทำให้เราประสบความสำเร็จในอดีตแต่ทำให้เรามีข้อจำกัดที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต
อธิบายสั้น ๆ คือ
ถ้าวิธีคิดและพฤติกรรมของเราที่เคยทำให้ประสบความสำเร็จในอดีต
มันไม่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในอนาคตได้
เราก็ปล่อยวางมันซ่ะ แล้วเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
เพื่อให้เกิดพฤติกรรมใหม่ ๆ
ผู้เขียนย้ำว่าการปล่อยวางไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องลืมหรือทิ้งของเก่า
แต่เราต้องตระหนักว่าของเก่า ๆ มันอาจใช้ไม่ได้ผล
"The Cycle of Unleraning" มีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้น
คือ Unlearn - Relearn - Breakthrough โดยทั้ง 3 ขั้น
ไม่ได้แปลว่าทำแล้วจบ
แต่มันเป็นวงจรแบบต่อเนื่องตามภาพด้านล่าง
Chapter 4: Unlearn
บทนี้เป็นการอธิบายขั้นตอนที่ 1 ของ Cycle of
Unleraning คือ Unlearn
ซึ่งเป็นการปล่อยวางแนวคิดและพฤติกรรมแบบเดิม ๆ
ที่อาจทำให้เราประสบความสำเร็จในอดีต
แต่ไม่ช่วยทำให้เราประสบความสำเร็จในอนาคต ในขั้นตอน unlearn
มีเงื่อนไขหรือสิ่งที่ต้องกระทำ 4 อย่าง ดังนี้
1) ระบุว่าให้ได้ว่าอะไรบ้างที่เราต้องละทิ้งหรือปล่อยวาง
ซึ่งผู้เขียนใช้คำว่า "Challenge"
2) ระบุว่าอะไรคือความสำเร็จจากการที่เราสามารถละทิ้ง challenge
ได้ และกำหนดกรอบการกระทำ (constraint) เช่น เวลา งบประมาณ
จากขั้นตอน 1 และ 2
ผู้เขียนได้ให้สูตรสำเร็จในการเขียนข้อความที่เรียกว่า
"Unlearn statemet" ดังนี้
I will unlearn <challenge> before <constraint> I know I
have when <outcomes>
ตัวอย่าง ฉันจะละทิ้งการทำงานแบบ one man show
ให้ได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งจะทำให้ยอดขายของทีมงานเพิ่มขึ้น 30%
3) สร้างความกล้าที่จะไปสู่สิ่งใหม่ ๆ
4) ลงมือทำ
Chapter 5: Relearn
บทนี้เป็นการอธิบายขั้นตอนที่ 2 ของ Cycle of
Unleraning คือ Relearn เป็นการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ
ซึ่งผู้เขียนใช้คำว่าการทดลองสิ่งใหม่ ๆ
โดยมีเงื่อนไขหรือสิ่งที่ต้องทำ 3 ข้อ ดังนี้
1) คิดให้ใหญ่แต่หาทางเลือกจากสิ่งเล็ก ๆ
คือการกำหนดว่าเรามีทางที่จะสามารถทำอะไรบ้าง จากสิ่งเล็ก ๆ
(การกระทำที่ง่าย ๆ)
2) หาว่าอะไรคือสิ่งที่ใช่ จากข้อ 1
หาว่าอะไรที่ทำแล้วจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ
3) เริ่มลงมือทำ (ทดลองทำ) จากสิ่ง ๆ เล็ก ๆ
โดยผู้เขียนได้อ้างแนวคิดจาก Model ของ Dr. BJ Fogg ที่ระบุว่า
คนจะยอมทำ (เกิดพฤติกรรม) สิ่งที่ยาก ๆ
ก็ต่อเมื่อต้องมีแรงจูงใจสูง ๆ ในทางตรงข้ามถ้าแรงจูงใจไม่สูง
แล้วจะทำให้คนเกิดพฤติกรรมก็ต้องเริ่มจากสิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ
Chapter 6: Breakthrough
บทนี้เป็นการอธิบายขั้นตอนที่ 3 ของ Cycle of
Unleraning คือ Breakthrough
ซึ่งหมายถึงการเกิดผลลัพธ์จากขั้นตอนที่ 1 กับ 2
ซึ่งมีเงื่อนไขหรือสิ่งที่ต้องกระทำ 4 อย่าง ดังนี้
1) คือการระบุผลลัพธ์จากสิ่งที่เราได้ทดลองทำ (Reflect)
ว่าอะไรที่เราได้ประโยชน์หรือมันเกิดผลอะไรบ้าง
2) นำผลจากข้อ 1 มาต่อยอดการกระทำเพิ่มเติม (next small
experiment)
3) ทำให้มากขึ้น
4) เพิ่มวงรอบของ "The Cycle of Unleraning"
Chapter 7: Unlearning Management
บทนี้เป็นเนื้อหาการประยุกต์ใช้
โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของภาวะผู้นำ
Chapter 8: Unleaning with Customers
บทนี้เป็นเนื้อหาการประยุกต์ใช้
โดยมุ่งเน้นการรับฟังข้อมูลจากลูกค้ามากขึ้น
Chapter 9: Unleaning with People and Organization
บทนี้เป็นเนื้อหาการประยุกต์ใช้
โดยมุ่งเน้นการจัดการและแบ่งปันองค์ความรู้ในองค์กร
และสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้
Chapter 10: Unleaning Incentives
บทนี้เป็นเนื้อหาการประยุกต์ใช้ โดยนำเสนอให้มีการศึกษาเรื่อง
motivation ที่เหมาะสมในองค์กร
Chapter 11: Unleaning with Business and Product Innovation
บทนี้เป็นเนื้อหาการประยุกต์ใช้
โดยมุ่งเน้นมองหารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ
Chapter 12: เป็นบทสรุปเนื้อหา
|
|
My Opinion |
ถ้าไม่เคยได้ยินคำว่า Unlearn มาก่อน
ก็นับได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ
ที่น่าสนใจ แต่เผอิญว่า Alvin Toffler (ผู้เขียนหนังสือ Future
Shock ในปี 1970) ได้เคยกล่าวไว้ว่า
“The illiterate of the 21st century will not be those who
cannot read and write, but those who cannot learn,
unlearn,
and relearn.”
ผมก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นกับหนังสือ Unlearn สักเท่าไหร่
ก็เลยให้แค่ 3 ดาวครับ
|
|
|