 |
Title: His Life and
Management Philosophy |
Author: Konosuke
Matsushita |
My Rating:
 |
|
|
|
Summary |
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ 1 ในชุดของ The Art and Wisdom of
Management ของ Konosuke Matsushita
ซึ่งผมคงต้องขอเกริ่นนำนิดนึง Konosuke Matsushita
เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Panasonic (เดิมชื่อ National)
เป็นหนึ่งในผู้บริหารธุรกิจของญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับไม่ใช่เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบปรัชญาการบริหารของ Konosuke Matsushita
มาก ๆ ครั้งหนึ่งก็เคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของ Konosuke
Matsushita ที่ Osaka และยังประทับใจไม่รู้ลืม (ใครไปเที่ยว
Osaka ก็แวะไปที่พิพิธภัณฑ์นี้ได้ ลองหารายละเอียดดูใน google
ก่อนก็ได้) มาพูดถึงหนังสือเล่มนี้กันบ้าง
หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 2 ตอน ตอนแรกพูดถึงปรัชญาการบริหารของ
Matsushita ซึ่งแบ่งเป็นหัวข้อย่อย 20 หัวข้อ
(แต่ละหัวข้อมีเพียง 3-4 หน้า) ส่วนตอนที่สองเล่าถึงชีวิตของ
Matsushita ผมขอเล่าโดยสรุปนะครับ
|
Part One: Management Philosophy
1. My Management Philosophy:
เค้าบอกว่าปรัชญาการบริหารของเขาเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1932
แล้วจนถึงปัจจุบันปรัชญานั้นก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง
การบริหารธุรกิจควรมีปรัชญาที่สร้างให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิต
สังคม และโลก
ซึ่งผู้จัดการก็จำเป็นต้องพัฒนาแนวคิดเหล่านี้เช่นกัน
2. Management and the Law of Nature:
กฎของธรรมชาติชีวิตต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่พัฒนาให้ดีขึ้นก็จะมาทดแทนสิ่งเดิม
ผู้จัดการและการบริหารธุรกิจก็เช่นเดียวกัน
ต้องมีการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง คือ Birth,
Growth and Development
3. The Social Mission of an Enterprise: Matsushita
เชื่อว่าหน้าที่แรก (Primary duty or mission)
ของธุรกิจคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเราให้ดีขึ้น
ถ้าจะถามว่าทำไม่จึงจำเป็นต้องมีธุรกิจนี้ คำตอบก็คือ
ธุรกิจจำเป็นต้องมีอยู่เพราะมันเป็นประโยชน์กับคนและปรับปรุงคุณภาพของสังคม
ในขณะที่กำไรเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจแต่กำไรก็ไม่เป็นเพียงด้านเดียวของธุรกิจเท่านั้น
ธุรกิจยังคงมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคนและสังคม
4. The Human Face of Management:
การบริหารเป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแท้จริงแล้วก็คือคน
ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ขายวัตถุดิบ ผู้ขายรายย่อย ดังนั้น
การบริหารจัดการก็คือองค์รวมของกิจกรรมต่าง ๆ
ของคนเพื่อมีเป้าหมายจะพัฒนามนุษย์และสังคมนั่นเอง
5. Common Sense in Business:
การบริหารธุรกิจอยู่บนพื้นฐานของกฎธรรมชาติ เช่น
หากขายสินค้าที่เกินราคาหรือเอาเปรียบผู้ซื้อก็จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎของธรรมชาติ
ซึ่งหากผู้บริหารกระทำหรือตัดสินใจอยู่บนกฎของธรรมชาติ
ธุรกิจก็จะสามารถเติบโตและพัฒนาต่อไปได้
6. Profit and Social Responsibility:
กำไรคือรางวัลที่สังคมมอบให้ธุรกิจในฐานะที่ประสบความสำเร็จในการตอบสนองความต้องการของสังคม
(กล่าวได้ดีมาก)
ความรับผิดชอบของธุรกิจคือการสร้างกำไรและปันส่วนของกำไรเพื่อคืนแก่สังคม
7. Prospering Together: ธุรกิจเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย
ทั้งพนักงาน ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ผู้ถือหุ้น ...
และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมรอบข้างด้วย
ซึ่งธุรกิจได้ใช้ประโยชน์สังคมรอบข้าง เช่น พนักงาน ถนน
ระบบสาธารณูปโภค ดังนั้นธุรกิจจึงต้องเติบโตไปพร้อม ๆ
กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
8. Listen to the Public:
การฟังเสียงของลูกค้าและสาธารณะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจ
ธุรกิจจึงไม่ควรสื่อสารแบบสร้างความเข้าใจผิด
(เช่นการโฆษณาที่สร้างให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน)
จึงเป็นสิ่งไม่ควรกระทำ ดังที่ Abraham Lincoln ได้กล่าวไว้ว่า
คุณอาจหลอกลวงทุกคนได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
และอาจหลวงบางคนได้ตลอดเวลา
แต่คุณไม่สามารถหลอกลวงทุกคนได้ตลอดเวลา
9.Believe You Will Succeed:
ถึงแม้การบริหารธุรกิจที่ดีจะเป็นการบริหารโดยเป็นอิสระต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก
ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมภายนอกจะเป็นอย่างไร
ธุรกิจก็ยังประสบความสำเร็จได้
แม้แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยบางธุรกิจก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้
เมื่อประสบความสำเร็จเราจะขอบคุณเทพีแห่งโชค
แต่เมื่อธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จเราต้องโทษตัวเราเอง
บางครั้งช่วงเวลาที่ไม่ดี
ก็ทำให้เรามีโอกาสในการคิดค้นและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ได้
“ช่วงเวลาที่ดีเป็นสิ่งที่ดี
แต่ช่วงเวลาที่แย่เป็นสิ่งที่ดีกว่า”
10. Aim for Self Reliance: คำว่า Self-reliance
ผมขอแปลว่าการพึ่งตนเองดูจะเข้ากับเนื้อหามากกว่า
ซึ่งในเนื้อหาพยายามอธิบายว่า
การที่ธุรกิจยึดถือการพึ่งตัวเองเป็นหลักบางครั้งก็อาจต้องมีการผ่อนปรนบ้าง
เช่น
ตอนที่บางช่วงเวลาธุรกิจอาจจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากภายนอก
หรือในบางช่วงที่บริษัทประสบปัญหาแล้วมีโอกาสเข้ามา
ถ้าเราใช้เฉพาะสิ่งที่เรามีก็อาจจะไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้
11. Plan for Emergencies: Matsushita
เปรียบการบริหารธุรกิจเหมือนการบริหารเขื่อน (Dam Management)
คือไม่ว่าจะเป็นฤดูอะไรก็ต้องมีการบริหารให้มีน้ำใช้ได้ตลอด
ซึ่งน้ำไม่ได้หมายถึงเงินเพียงอย่างเดียว
แต่หมายถึงทรัพยากรต่าง ๆ เช่น สินค้าคงคลัง อุปกรณ์
เครื่องจักร เป็นต้น
12. Know Your Limitations:
การบริหารธุรกิจก็เหมือนความเป็นมนุษย์ซึ่งมีขีดจำกัด
เราต้องเข้าใจศักยภาพขององค์กร ผู้บริหาร และพนักงาน
เพื่อจะได้ตั้งเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม
13. To Diversify or to Specialize:
การมีความหลากหลายกับการเชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างก็มีข้อดี-ข้อด้อย
Matsushita ให้ทัศนะประมาณว่า
ในความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านก็ยังต้องมีความหลากหลาย เช่น
การขยายรูปแบบการใช้งานความเชี่ยวชาญ
และในความหลากหลายก็ยังคงต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
14. Developing Employees’ Potential: คนญี่ปุ่นมักพูดว่า
องค์ก็คือคนในองค์กร ธุรกิจต้องผลิตคนเป็นอันดับแรก
15. Consult Other People:
ธุรกิจไม่เพียงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของพนักงานแต่ยังต้องแสวงหาปัญญาจากภายนอกด้วย
(seeks the wisdom of others)
16. Harmony in Opposition:
หัวข้อนี้พูดถึงสหภาพแรงงานซึ่งมักจะมีความคิดเห็นขัดแย้งกับบริษัท
Matsushita
ยังคงใช้หลักการของธรรมชาติที่อยู่อย่างสมดุลระหว่างสิ่งที่ตรงข้ามกัน
เช่น การมีขั้วบวกขั้วลบ ดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์
ในธุรกิจการมีสิ่งที่ตรงกันข้ามจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ
แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้สามารถอยู่ร่วมกันได้
17. Be Politically Aware:
การเมืองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสังคม
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ธุรกิจจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจกับมิติของการเมืองด้วย
18. Keep Pace with Change:
ธุรกิจต้องไม่ติดยึดกับความสำเร็จหรือแนวทางปฏิบัติ
ในสถานการณ์ที่วิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป
บริษัทจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้น
19. Be Constantly Creative:
ธุรกิจกับศิลปินวาดรูปมีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
ก่อนวาดรูปลงสีศิลปินต้องร่างโครงร่างก่อน
การบริหารก่อนลงมือทำ ต้องมีการสร้างกรอบ มีการทำแผน
ก่อนที่จะใช้ทักษะของผู้จัดการในการปฏิบัติ
เหมือนศิลปินที่ลงสี
20. Look at Things as They are: Matsushita ได้พูดถึง Sunao
mind คือผู้บริหารต้องมีมีจิตรใจที่เป็นกลางหรือเป็นอิสระ
ไม่มีข้อสรุปล่วงหน้า มองอย่างที่เป็น
Part Two: Konosuke Matsushita His Life and Legacy
ส่วนนี้เล่าถึงประวัติและการทำงานของ Matsushita เป็นส่วนใหญ่ผมขอข้ามการสรุปเนื้อหาในส่วนนี้นะครับ |
|
My Opinion |
ก็ลำบากใจเหมือนกันที่ต้องให้คะแนนหนังสือของฮีโร่ของผม
ก็ย้ำกันแล้วย้ำกันอีกว่าเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว
เป็นความชอบส่วนตัว ผมว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ Matsushita
ได้แสดงมุมมองที่สร้างแรงบันดาลใจและแนวทางการบริหารธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์
ถึงแม้ผู้อ่านจะไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างหนังสือ How-to
ทั่วไป
แต่มุมมองในบ้างเรื่องนับได้ว่าเป็นมุมมองที่เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจที่ดี
สรุปว่าผมให้ 4 ดาว ล่ะกันครับ |
|