 |
Title: The Balanced
Scorecard |
Author: Robert S.
Kaplan and David P. Norton |
My Rating:
 |
|
|
|
Summary |
ประวัติความเป็นมาของหนังสือเล่มนี้เกิดจากงานวิจัยในปี 1990
ที่ Kaplan และ Norton ได้รับทุนวิจัย 1 ปี จาก KPMG
ให้ศึกษาบริษัทต่าง ๆ
เนื่องจากมีสมมติฐานว่าตัวชี้วัดที่ใช้กันอยู่ในขณะนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเงิน มันน่าจะล้าสมัยแล้ว
เพราะมันไม่สามารถทำนายอนาคตของบริษัทได้ เช่น
บริษัทที่มีตัวชี้วัดด้านการเงินที่ดี
เผลอแป๊บเดียวก็เจ๊งไปแล้ว
มันจึงน่าจะมีตัวชี้วัดที่น่าจะเหมาะสมมากกว่า
จากผลการวิจัยที่ออกมาได้ตีพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ เช่น Harvard
Business Reveiw ในปี 1992 ชื่อ "The Balanced
Scorecard-Measure that drive performance" ในปี 1993 "Putiing
the Balanced Scroecard to work" และในปี 1996 "Using
the Balanced Scroecard as a Strategic Management System"
ทำให้งานวิจัยชิ้นนี้โด่งดังกันใหญ่
และแน่นอนสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเขียนหนังสือชื่อ "The Balanced
Scorecard" ในปี 1996 |
|
ผู้เขียนได้นำเสนอแนวทางในการถ่ายทอดกลยุทธ์ไปสู่การทำงาน
โดยมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กรเป็นศูนย์กลาง
และถูกถ่ายทอดและเชื่อมโยงโดยมิติทางด้านการเงิน (Financial)
ลูกค้า (Customer) กระบวนการภายใน (Internal Business Process)
และการเรียนรู้ (Learning and Growth) พูดง่าย ๆ คือ
การแปลกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ พันธกิจ ไปเป็นสิ่งที่จับต้องได้
วัดได้ นั่นเอง |
 |
|
ผู้เขียนได้ให้แนวทางการนำ Balanced Scorecard ไปใช้มี 4
ขั้นตอนคือ
1. ทำให้วิสัยทัศน์และกลยุทธ์มันชัดเจน
และแปลไปสู่มุมมองทั้่ง 4 มุมมอง
2.
ทำการสื่อสารและเชื่อมโยงวัถตุประสงค์เชิงกลยุทธ์กับตัวชี้วัด
3. วางแผน ตั้งเป้าหมาย
และทำโครงการริเริ่มที่สอดประสานกัน
4. ส่งเสริมให้เกิดข้อมูลย้อนกลับเชิงกลยุทธ์ (Strategic
Feedback) และสร้างให้เกิดการเรียนรู้ |
|
My Opinion |
หนังสือเล่มนี้พอออกมาก็สะเทือนวงการด้านการบริหารจัดการ
จัดได้ว่าเป็น Key Book เล่มหนึ่ง แต่ที่น่าเสียดายคือ
คนก็จะพูดแค่ Balanced Scorecard ก็คือการสร้างตัวชี้วัด 4
มุมมอง
ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการนำไปใช้ก็คือการแปลกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ
ที่ผู้เขียนได้นำเสนอขั้นตอนและรายละเอียดไว้มากทีเดียว
ใครอยากรู้จริงต้องหาอ่านเองครับ และแน่นอนผมให้คะแนนเล่มนี้ 5
ดาว |
|